|
[หน้าแรก] [เหตุแห่งความสงสัย] [ พุทธโบราณสถาน][ ภูมิศาสตร์][พุทธสถาปัตยกรรม][ วิถีชีวิตในสมัยพุทธกาล] [ ภาษาสมัยพุทธกาล][ขนบธรรมเนียมประเพณี][ ตำนาน/พงศาวดาร][ ข้อสังเกตเพิ่มเติม] |
|
|
ผู้เข้าอ่านตั้งแต่เมษายน 2022
โปรดโหวตและดูผลการสำรวจ
คลิ้ก โหวตที่ POLLBAGEL โหวตภาษาไทย
Webmaster:
chaiyongusc@gmail.com
|
นิสัยใจคอของชาวอินเดีย ในกลุ่มคนไทยเป็นที่รู้กันเมื่อถามว่า เห็นแขกและงู คนไทยจะ ตีอะไรก่อน คำตอบก็คือ ตีแขกก่อน ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะ แขกที่คนไทยรู้จัก เป็นคนอย่างไรย่อมเป็นที่เข้าใจกัน ดังนั้น เมื่ออ่านพบว่า มีเรื่อง เศรษฐีใจ บุญ ที่ตั้ง โรงทานแจกทาน คนยากจน สร้างมหาวิหารถวายพระพุทธองค์ ปรากฏในพระไตรปิฎก เช่น อนาถปิณฑิก(มหาอุบาสก) เศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี (ตำบลสาวะถี ขอนแก่น) หรือ เศรษฐีธนัญชัยบิดาของนางวิสาขามหาอุบาสิก ที่พระเจ้าพิมพิสารทรงอนุญาตให้อพยพมาอยู่แคว้นโกศลตามคำขอของพระราชาปทีปเสนธิโกศล และได้มาสร้างเมืองสาเกต(ร้อยเอ็ด) ฯลฯ ก็น่าจะยอมรับได้ว่า ท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่ในดินแดนสุวรรณภูมินี่เอง ข้าวที่บริโภคในสมัยพระพุทธกาล สิ่งที่พระภิกษุไทยแปลกใจมาก ก็คือ พระพุทธองค์ เสวยข้าวเหนียว ทั้งนี้ รวมทั้งข้าวปธุปายาส (ข้าวทิพ) และข้าวยาคู ก็ทำจากข้าวเหนียว คำว่า "ในบ้าน" ดังปรากฎอยู่ในเรื่องราวต่างๆ ในพระไตรปิฎก หมายถึง "ในหมู่บ้าน" เป็นคำที่ชาวอิสาน ใช้กันแม้ในปัจจุบันนี้ เช่น "แม่ใหญ่จะเข้าไปในบ้าน เพื่อซื้อหมากพลู...." อยากทราบว่า อินเดียใช้ในความหมาย อย่างนี้หรือไม่ ใครทราบช่วยบอกด้วย
|
ในประเทศไทย ลาว เขมร พม่าและมอญ การดำเนินชีวิตกลมกลืนกับเรื่องราวในพระไตรปิฎก คนถิ่นนี้ โดยเฉพาะคนไทย-ลาว จึงอ่านเรื่องราวในชาดก หรือพระสูตร อย่างเข้าใจ เพราะไม่มีอะไรขัดแย้งกับที่เคยพบเห็นในอดีตหรือปัจจุบัน พืชพันธุ์ธัญญาหาร มากกว่า ๒๖๔ ชนิดที่ได้กล่าวถึงในพระไตรปิฎกเป็นพืชท้องถิ่นของสุวรรณภูมิ อาทิ "หญ้ากับแก้" หญ้าชนิดหนึ่ง ที่พระพุทธองค์เสวยแทนอาหาร เมื่อครั้งแสวงหาสัจธรรม (หญ้ากับแก้ เป็นภาษาอีสาน ภาษากลางคือ หญ้าตุ๊กแก) หลังจากที่ทรงอดพระยาหาร จนผมหนังติดกระดูก พระองค์จึงเริ่มเสวยดูดน้ำจากหญ้ากับแก้นี้ก่อน หลังจากนั้นก็เสวยผลกะเบา แล้วจึงเสวยพระกระยาหารปรกติ "ลูกกะเบา" ก็เป็นพืชที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ลูกกะเบาใช้รักษาโรคเรื้อนได้ "เล็บเหยี่ยว" (ลูกเล็บแมวของอิสาน) พระพุทธองค์อนุญาตให้นำมาทำเป็นน้ำปานะได้ "ชมพู" คือลูกหว้าชมพู ซึ่งเป็นลูกหว้าขนาดใหญ่ มีสีและขนาดเหมือนลูกเชอรี่ ประเทศอินเดียมีลูกหว้าขนาดใหญ่กว่าหว้าชมพู แต่ชาวอินเดียไม่ได้ใช้คำว่า "ชมพู" เป็นชื่อเรียกลูกหว้าชนิดนั้น
|
|
หลังจากศึกษาข้อมูลที่นำเสนอในหน้านี้แล้ว ก่อนออกจากเว้ปนี้ โปรดโหวตก่อนออกด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง
Webmaster: chaiyong@iname.com